แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ mechanical keyboard แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ mechanical keyboard แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ซื้อแป้นพิมพ์ Aula S2022 Black

หลังจากใช้แป้นพิมพ์แบบ 75% มาเกือบ 4 ปี (Keychron K3 กับ Royal Kludge RK-84) ซึ่งเป็นการกลับมาใช้ Mechanical Keyboard อีกครั้งหลังจากไม่ได้ใช้มานานหลายปี (น่าจะพังไปแถวๆ ช่วงปี 2020 - 2021) พอกลับมาใช้อีกทีก็ใช้ยาวเลย แต่ก็ต้องปรับตัวพอสมควร เพราะใช้แต่ 100% มาตลอด

การใช้แป้นพิมพ์ขนาด 75% ในตอนแรกเป็นเพราะช่วงนั้นทำงานแปลนิยายจีน ซึ่งต้องพิมพ์งานอย่างหนักจนข้อศอกบาดเจ็บเรื้อรัง แป้นพิมพ์เดิมมันมีระยะที่ต้องเอื้อมมือไปจับเมาส์กว้าง เลยตัดสินใจเลือกเป็นขนาด 75% รู้สึกว่าช่วยได้พอควร

แต่การใช้แป้นขนาด 75% นั้น สิ่งที่ต้องแลกมาคือขาดแป้นตัวเลข num pad ทำให้พิมพ์ตัวเลขไม่สะดวก แล้วช่วงนั้นก็มีเรื่องของแป้นพิมพ์มนูญชัยเข้ามา ทำให้รู้จักการแก้ไขผังแป้นพิมพ์ได้เอง จึงสร้างเป็นผังแป้นพิมพ์สำหรับงานเขียนที่สามารถพิมพ์เลขอารบิกและอักขระสัญลักษณ์ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องสลับภาษา (ที่จริงก็มีใช้มนูญชัยอยู่สักพัก แต่ใช้แล้วไม่ถูกใจเท่าไหร่เพราะกดยกแคร่ถี่ยิบมาก)

การที่ไม่มี num pad ก็ส่งผลให้ใช้งานโปรแกรม blender 3D ลำบากด้วย ถึงจะมี emulated numpad ก็จริง แต่มันใช้ไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ช่วงนั้นทำงานแปลเป็นหลัก เลยไม่ได้อะไรมาก

วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566

ซื้อสวิตช์มาเปลี่ยนให้แป้นพิมพ์ Royal Kludge RK-84

ซื้อแป้นพิมพ์ Machaincal Keyboard ยี่ห้อ Royal Kludge RK-84 มาเมื่อช่วงสิ้นปี 2564 ใช้ไปยังไม่ทันจะครบปี สวิตช์ก็เริ่มออกอาการว่ากดแล้วเบิล บางทีก็กดไม่ติด ซึ่งจาก ประสบการณ์ที่เคยใช้ mechanical keyboard มา ก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามันไม่ค่อยทนเท่าไหร่ แต่ที่ยังซื้อก็เพราะแป้นพิมพ์เป็นแบบ hot swap ที่ถอดสวิตช์เปลี่ยนได้

แรกๆ ก็ใช้วิธีถอดสลับกับปุ่มที่ใช้ไม่บ่อย แต่มันก็เริ่มออกอาการหลายปุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เลยตัดสินใจว่าซื้อสวิตช์มาเปลี่ยนเลยก็แล้วกัน

เห็นสวิตช์ยี่ห้อ Royal Kludge ราคาไม่สูงมาก 35 ตัว ราคา 109 บาท (Shopee) ก็เลยสั่ง blue switch กับ brown switch มาลองใช้ดู แต่ก็เตรียมใจไว้ว่าคุณภาพก็ตามราคานั่นแหละ


วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ซื้อแป้นพิมพ์ Royal Kludge RK-84

ก่อนหน้านี้ ซื้อแป้นพิมพ์ Mechanical Keyboard ของ Keychron K3 ที่เป็น low profile มา แต่ด้วยความที่ใช้คอมพิวเตอร์สองเครื่อง อยู่ชั้นบนและชั้นล่างของบ้าน เวลาใช้งานเลยต้องถอดคีย์บอร์ดย้ายขึ้นย้ายลง ถอดๆ เสียบๆ แรกๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเริ่มหลายครั้งเข้าก็ชักขี้เกียจ เลยตัดสินใจซื้อแป้นพิมพ์ใหม่เพิ่มอีกอันดีกว่า

จากที่ใช้ Keychron K3 ที่เป็น low profile แล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยถนัด รอบนี้เลยคิดว่าใช้เป็นแบบธรรมดา และคิดว่าไม่ต้องซื้อแบบแพงมากก็ได้ สุดท้ายตัดสินใจเลือก Royal Kludge RK-84 แบบที่เป็นไฟ LED สีขาวสีเดียว เพราะไม่ชอบ RGB ที่สีวูบวาบ และยังคงเป็น blue switch เหมือนเดิม


วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

เปลี่ยนมาใช้แป้นพิมพ์ Keychron K3 ได้ 3 สัปดาห์

บันทึกประวัติการใช้งานแป้นพิมพ์ของตัวเอง…

ผมใช้แป้นพิมพ์แบบ mechanical มาหลายปีแล้ว แต่คงจะเรียกว่าคนในวงการไม่ได้ ฮ่า เพราะแค่ใช้งานแต่ไม่ได้ศึกษาอะไรมากนักหรอก

สมัยก่อนเคยใช้แป้นพิมพ์ของพี่สาวอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่พี่สาวซื้อใช้งานตอนเรียนอยู่ต่างประเทศ เรียนจบแล้วก็ขนกลับมาไทย เป็นแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ IBM ซึ่งเครื่องเก่ามากจนเอามาใช้งานต่อไม่ไหวล่ะ แต่ว่าแป้นพิมพ์ยังใช้งานได้ และชอบเรื่องการตอบสนองการสัมผัสเวลากด มีเสียงติ๊กๆ พิมพ์ได้สนุกดี รู้สึกดีกว่าแป้นพิมพ์อื่นๆ ที่เคยใช้มา แต่สมัยนั้นยังไม่รู้จักหรอกว่ามันเป็นแป้นพิมพ์แบบ mechanical

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สั่งซื้อแป้นพิมพ์ Keychron K3 มาใช้

เห็นโฆษณาแป้นพิมพ์ Keychron โผล่ขึ้นมาในหน้าฟีด เลยทำเอาสนใจอยากกลับมาใช้แป้นพิมพ์แบบ mechanical อีกรอบ

รายละเอียดเขียนเล่าไว้ในบล็อก เปลี่ยนมาใช้แป้นพิมพ์ Keychron K3 ได้ 3 สัปดาห์

ตอนแรกจะสั่งจากเว็บ Keychron Thailand แต่เข้าไปดูทีไร รุ่นที่ต้องการก็หมดทุกที สุดท้ายเลยตัดสินใจสั่งซื้อจากต่างประเทศ ตอนแรกก็คิดว่าจะยุ่งยากเรื่องภาษีเพราะคุณเพื่อนบอกไว้ แต่ปรากฏว่าไม่ต้องเจอบวกภาษีเพิ่ม สั่งไปเมื่อ 25 ตุลาคม 2564 สินค้าส่งมาถึงมือ 2 พฤศจิกายน 2564 ถือว่าเร็วกว่าที่คิดไว้ ได้มาในราคา 2,903 บาท ซึ่งถ้าซื้อจากในไทยจะเป็นราคา 3,890 บาท ประหยัดไปเกือบพัน



[Keywords]

Mechanical Keyboard, Keychron, Keychron K3, แป้นพิมพ์, คีย์บอร์ด