วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568

[เล่าหนังหลังดู] นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์ Mantra Warrior (2023)

อนิเมชันฟอร์มยักษ์ของไทย ที่เอารามเกียรติ์มาเล่าในธีมไซไฟอวกาศ นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ (Mantra Warrior) เขียนไว้นานแล้ว แต่ลืมเอามาลงบล็อก ไปคุ้ยเจอ เลยเอามาแปะใหม่ ตอนนี้มีฉายทาง NetFlix ใครสนใจก็ไปดูกันได้


[บันทึกบล็อก 16 ตุลาคม 2566]

เป็นบันทึกความรู้สึกส่วนตัวหลังจากดู ไม่ใช่วิจารณ์หนัง ตอนที่เข้าฉายแล้วคนเชียร์กันเพียบ ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าจะยอดเยี่ยมขนาดนั้น เพราะหนังไทยที่เคยดูมามักมีปัญหาบทหนังขนาดหนัก จึงไม่คาดหวังอะไรแม้แต่น้อยเพราะมั่นใจว่าผิดหวังแน่ ดังนั้นหลังจากดูแล้วจึงไม่ผิดจากที่คาดไว้เท่าไหร่

  • คาแรคเตอร์ดีไซน์เรื่องหน้าตา มีแค่วายุคนเดียวที่พอจะดูดี ที่เหลือหน้าตาจืดมาก ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย
  • ชุดของแต่ละตัวละคร ไม่ได้แย่นะ แต่ยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
  • ชุดของราม ลักษณ์ สีดา ดูไม่เข้าพวกมากๆ โดดจากตัวละครอื่นๆ
  • ความเป็นเทคโนโลยีและมนตรา มันผสมกันจนดูมั่วๆ
  • โปรโมตว่าเป็นไซไฟ แต่ดูแล้วไม่รู้สึกถึงความเป็นไซไฟ ออกเป็นสเปซโอเปร่าแฟนตาซีมากกว่า แต่จะว่าไป space opera ก็เป็น genre ย่อยของไซไฟล่ะนะ
  • บทและการดำเนินเรื่องนี่ ไม่น่าสนใจจริงๆ
  • การดำเนินเรื่องชวนให้นึกถึงองก์บาก คือคิดฉากแอคชันสวยๆ เอาไว้ว่ามีฉากไหนบ้าง แล้วค่อยมาเขียนเรื่องเพื่อให้เอาฉากแอคชันนั้นๆ มาใส่โยงกัน
  • โครงเรื่องยังคงยึดรามเกียรติ์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น แต่มาปรับให้เป็นมนุษย์ เลยส่งผลให้น้ำหนักของเรื่องอ่อนยวบ และสโลแกนของเรื่องที่พยายามพูดตลอดทั้งเรื่องว่า ‘หน้าที่เหนือชีวิต’ ไม่ได้ให้ความรู้สึกร่วมว่าหน้าที่คืออะไร ทำไมต้องรับใช้พวกพระรามพระลักษณ์ ฝั่งตัวเอกมีคุณค่าอะไรให้ต้องรับใช้ แล้วพระลักษณ์ก็เป็นแบบนั้นคือสมควรต้องปกป้อง? ไม่มีการสร้างความเข้มแข็งของเซ็ตติ้งโลก (จักรวาล) เพื่อให้คนดูผูกพันว่าทำไมถึงแบ่งแยกฝักฝ่าย ทำไมถึงรับใช้ ทำไมถึงเป็นผู้นำ ทำไมๆๆๆ และทำไม… มันเลยไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วยฝั่งตัวเอกแม้แต่น้อย

ทางผู้สร้างมีโครงการสร้างภาคสอง นักรบมนตรา ตอน สะพานสู่ลงกา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำต่อหรือเปล่า เพราะภาคแรกก็จมทุนไปเยอะล่ะ


[ Keywords ]

รามเกียรติ์, รามายณะ, อนิเมชัน, อนิเมชั่น, การ์ตูนไทย, 3D Animation, Mantra Warrior Ramayana

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น