วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

มางาน BOI Fair 2011 ที่เมืองทองธานี

งาน BOI Fair 2011 ที่เมืองทองธานี กำหนดการตอนแรกจะจัดปี 2554 แต่ประสบเหตุมหาอุทกภัยน้ำท่วมไทยจึงเลื่อนมาเป็น 5-20 มกราคม 2555 แทน

งาน BOI นี่เคยไปครั้งนึงเมื่อนานมากแล้ว ตอนนั้นจัดที่โคราช ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วล่ะ ตอนนั้นที่สิ่งที่จำได้คือบูธของ CP ซึ่งมีนโยบายทำอาหารท้องและอาหารสมอง จนบัดนี้ก็เป็นบริษัทที่ครอบครองตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ อีกรายการนึงคือไอติมผลไม้ กินแล้วไม่อร่อยเลย ตอนนั้นคิดว่าไม่น่ารุ่งแน่ และจนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังคงไม่เห็นไอติมผลไม้ขายแพร่หลาย -_-'a



งานปีนี้จัดที่เมืองทอง ใกล้บ้านหน่อย ไปงานกันวันที่ 6 ไปกัน 4 คน มีท่านแม่ คุณน้า และน้องชาย วันนั้นตอนบ่ายๆ จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเลยกะว่าคงจะเดินแค่ไม่กี่บูธ แล้วค่อยมาวันหลังอีกที ก็ยังคิดอยู่ว่าจะขับรถไปกันดีไหม เพราะว่าคนน่าจะแน่นจนหาที่จอดรถลำบาก สุดท้ายก็ตัดสินใจขับรถไปกันเองน่าจะสะดวกกว่า เพราะไปวันธรรมดา คนคงน้อยหน่อย

เอารถมาจอดที่ลานจอดบริเวณนี้ ตอนที่มาจอดมีรถไม่ถึงกับแน่น ยังมีที่ว่างอยู่

จากตรงที่จอดรถ จะมีรถรับส่งวิ่งวนรอบ

อารมณ์นั่งรถชมวิวรอบสวน ไม่ค่อยมีโอกาสนั่งแบบนี้เท่าไหร่ ^^)v

จากนั้นก็มาลงที่ Hall เพื่อรอต่อรถเมล์เข้าไปที่ส่วนจัดงาน BOI อีกที

มาแล้ว รถรับส่งระหว่าง Hall กับพื้นที่จัดงาน BOI

ตอนขาไปเนี่ย คนแน่นเต็มรถเหมือนกัน ต้องยืนโหน แต่ตอนขากลับได้นั่ง คงเพราะกลับเร็วกว่าคนอื่นล่ะมั้ง

นั่งรถผ่านอาคาร Hall ก็มีป้ายประชาสัมพันธ์งาน แต่รู้สึกว่าป้ายบอกทางนี่น้อยจังแฮะ

ทางเข้างาน จะมีด่านตรวจก่อน แต่สงสัยว่าจะตรวจทำไม เพราะเดินผ่านกันทุกคน ไอ้เจ้าเครื่องตรวจโลหะที่ต้องเดินผ่านมันก็ดังทุกคนแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยผ่านไป แต่ใครสะพายกระเป๋าหรือเป้ จะมีขอเปิดดูของนิดหน่อยพอเป็นพิธี

มาถึงราวๆ เที่ยง คนไม่มากเท่าไหร่

เดินผ่านจุดตรวจเข้ามาแล้ว มีเจ้าหน้าที่อยู่คนเดียวที่คอยตรวจ แต่ไม่ตรวจอะไรมาก และคนเข้างานไม่เยอะ เลยไม่เสียเวลาเท่าไหร่

พอเข้ามาด้านซ้ายจะเป็นตู้ขายของที่ระลึกในงาน แต่ไม่ได้ซื้ออะไรหรอก ส่วนด้านขวาจะเป็นร่มกาง ตั้งโต๊ะแจกแผ่นพับแผนที่งาน ดูจัดโต๊ะแล้วรู้สึกอนาถาดี -_-'a

แผ่นพับคู่มือเข้าชมงาน มีแผนที่แสดงตำแหน่งบูธด้วย ช่วยให้หาสถานที่ได้สะดวกเลย

มาถึงหน้างานแล้วจ้า รูปนี้ถ่ายตอนขากลับ ^^)v

เดินเข้ามาก็เจอ BOI Pavilion

ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน เลยไม่รู้ว่ามีอะไร


ด้านหน้าก็จะมีบอร์ดแสดงแผนที่ในงาน ด้านหลังที่เห็นเป็นแผงๆ คือ solar cell ไม่รู้เหมือนกันว่าสำหรับปั่นไฟฟ้าใช้ที่โซนไหนบ้าง เพราะไม่น่าผลิตไฟฟ้าได้พอทั้งงาน


รถขายกาแฟสด โปรโมทว่าเป็นกาแฟชงด้วยพลังแสงอาทิตย์ รายได้ส่วนหนึ่งมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่ไม่ได้ไปอุดหนุดเขาอ่ะ เพราะไม่ดื่มกาแฟ

อาคาร Toyota

อาคารแรกที่เข้าไปแวะชมคืออาคารของ Toyota ซึ่งนอกจากจะโชว์รถแล้วยังมีเทคโนโลยีอย่างอื่นอีกคือ บ้านประหยัดพลังงาน และหุ่นยนต์เล่นดนตรี

ภาพถ่ายในอาคารเบลอมาก สาเหตุเป็นเพราะไปตั้ง focus กล้องเป็นแบบ Macro เอาไว้ตั้งแต่ตอนถ่ายแมลงปอแล้วลืมตั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่าภาพที่ถ่ายนั้นเบลอก็จนกระทั่งไปที่อาคาร Isuzu แล้ว น่าเสียดายถ่ายไปตั้งเยอะ เบลอเสียหมด (_ _')




สองพิธีกรกำลังแนะนำ Partner Robot หุ่นยนต์เล่นดนตรี


Partner Robot สีไวโอลินคู่กับนักดนตรีตัวจริง

การเคลื่อนไหวทำได้ดีมาก น้องชายเห็นแล้วทึ่งมาก แต่คนที่ตามข่าวหุ่นยนต์ญี่ปุ่นตลอดคงจะเห็นเป็นเรื่องปกติแล้วล่ะกับความสามารถระดับนี้ ^^)

แสดงเสร็จก็มีโบกมือทักทายผู้ชมด้วย


ป้ายอธิบาย แนะนำให้รู้จักกับ Partner Robot


Whee ล้อพาหนะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง

มี 3 ขนาดด้วยกัน เล็ก กลาง ใหญ่ ชาร์จไฟฟ้า วิ่งได้ระยะทาง 5-10 กิโลเมตร


ที่พับอยู่ด้านซ้ายคือรุ่นเล็กสุด ส่วนสีฟ้านี่เป็นรุ่นกลาง

แผ่นป้ายแนะนำ Whee


Prius-C รถยนต์ไฮบริด จาก Toyota ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก อันนี้เป็นตัวโชว์ ยังไม่มีวางขายจริง




โซนถัดมา เป็นเทคโนโลยีบ้านประหยัดพลังงาน มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ มาหมุนเวียนใช้งานภายในบ้าน


จะมีปุ่มกดสีน้ำเงิน เมื่อกดแล้วจะแสดงให้เห็นว่ามีการนำพลังงานธรรมชาติมาใช้ในแต่ละส่วนของบ้านได้ยังไง

มีเขื่อนสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า และจ่ายน้ำให้หมุนเวียนไปในบริเวณทั้งหมด

หลังคาบ้านมี Solar Cell ไว้สร้างพลังงานในบ้าน แล้วจ่ายออกมาสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน

มีน้ำไหลเวียนไปทั่วบริเวณ

ที่ลานจอด ข้างๆ รถจะเห็นแท่งเสา นั่นคือจุดสำหรับชาร์จไฟฟ้าให้รถยนต์

บ้านทรงสูง ให้ลมไหลเวียนผ่านสำหรับการระบายอากาศ
โซนโชว์รถยนต์ไฮบริด ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานหลัก มีจุดจ่ายไฟสำหรับชาร์จแบตเตอรี่


แท่นสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์


ที่จริงแล้วทาง Toyota ยังมีโซนภาพยนตร์ 4 มิติด้วย แต่ว่าต้องรออีก 20 นาทีถึงจะเปิดให้เข้าชมในรอบต่อไป ก็เลยไม่ได้อยู่รอดี

อาคาร Isuzu

ทาง Isuzu นี่เน้นโชว์รถที่ขาย แต่ไม่ได้มีอะไรใหม่ซักเท่าไหร่ ทางเซลล์บอกว่าช่วงนี้ไม่มีโปรโมชันอะไร ไม่มีปรับโฉม ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก อีกประมาณ 2 ปีถึงจะมี Minor Change ปรับโฉม ปรับโปร และปรับราคา -_-')



พยายามถ่ายเท่าไหร่ก็เบลอตลอด จนกระทั่งมาดูการตั้งค่า focus ถึงได้เห็นว่าดันไปตั้งเป็น macro ไว้ มิน่าล่ะ Orz


แท่นโชว์เครื่องยนต์ของ Isuzu แต่ทำไม่น่าสนใจเลย

ระหว่างนั่งคุยกับเซลล์ ทีมพริตตี้ก็ออกมาพรีเซนต์เรื่องรถ และมีแจกหมวกให้ด้วย ใครมีสิ่งของอะไรที่มีสีน้ำเงินอยู่ในตัว ให้ขึ้นไปรับหมวก Isuzu ได้เลย มีแจกให้ 10 ใบ

วันนั้นสะพายเป้ของ LG ที่ได้แถมมาตอนซื้อมือถือ LG Optimus Black ซึ่งมีแถบสีน้ำเงินด้วย เลยขึ้นไปรับแจกหมวกมาซะเลย ไม่ต้องเดินตากแดดหัวแดงล่ะ ขอบคุณ Isuzu นะคร้าบ ^^)v

อาคารอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ -_-')


อาคาร ศาลาศรัทธาศรม

เป็นโซนของผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง พวกหัตถกรรม ผักผลไม้ไร้สาร






เดินทั้งอาคาร ซื้อเจ้าสลัดนี่มาสองแพ็ค






ออกมาด้านนอก ก็จะมีประติมากรรมพวกเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านในสมัยโบราณ









ด้านข้าง ปลูกซุ้มไม้ไว้บังแดด ร่มรื่นดี


อาคาร SCG

มาถึงที่ SCG ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่วันนี้ท่านแม่กับน้องชายอยากมาดู เพราะโชว์พวกเรื่องของเทคโนโลยีที่อยู่ร่วมกับภัยพิบัติ

เนื่องจากว่าอาคาร SCG นั้นเป็นการจัดแบบพื้นที่ปิด จึงจำกัดผู้เข้าชมรอบละ 80 คน ใช้เวลา 30 นาที แต่เนื่องจากมีผู้ชมเยอะ ตั้งแต่รอบนี้เลยตัดเหลือแค่ 20 นาที

ยืนต่อคิวรอเปิดเข้าชมรอบถัดไป

ระหว่างที่รอ ก็มีแจกหมวกกระดาษเอาไว้บังแดด เอ่อ... จะเข้าอาคารนี่ไม่มีแดดซักหน่อย -_-')
ไอเดียทำหมวกเหมือนจะดี แต่ใส่จริงแล้วไม่ได้เรื่องเพราะแถบคาดหัวสั้นเกินไป ใส่ไม่พอดี และไอ้รอยหยักที่เป็นขอบใบไม้มันจิ้มขมับ เจ็บชะมัด สรุปว่าไม่เวิร์ค (-*-)

นอกจากหมวกกระดาษแล้วทางเจ้าหน้าที่ SCG ก็เอา wristband มาผูกข้อมือให้ เอาไว้สำหรับให้คะแนนโซนที่ชอบใจ โดยเอาไปวางทาบกับแท่นที่เขาจัดไว้ แต่ wristband นี่ไม่ได้แจกนะ ต้องคืนให้หลังจากชมรายการจบแล้ว (^_^)

โซนแรก เป็นภาพยนตร์ 3 มิติ (หรือเปล่า) ให้ปู่กับหลานมาเล่าถึงเรื่องของชีวิตกับธรรมชาติ

มีหน้าปู่กับหลานอยู่กันคนละฝั่งซ้ายขวา พยายามสังเกตดูเดาว่าพื้นที่ๆ เป็นหน้าเนี่ย ทำเป็นหัวยืนออกมา แล้วก็ฉายภาพหน้าลงไปทับ ทำให้มันดูนูนออกมา หัวหลานกับปู่นี่เป็นภาพขยับปากได้นะ

โซนนี้เป็นโชว์ผลิตภัณฑ์ห้องสำหรับผู้สูงอายุ โดยการจัดให้มีไฟสว่าง การวางตำแหน่งเคาเตอร์สูงได้ระดับ มีราวจับ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ

Shield Life แคปซูลช่วยชีวิต สำหรับใช้ยามเกิดภัยพิบัติ

ขนาดสำหรับเข้าพักได้ 1 คน เป็นวัสดุที่แข็งแต่ลอยน้ำได้ ข้างในก็มีอุปกรณ์ยังชีพ

ภาพตัดขวางของ Shield Life

แท่นสำหรับให้คะแนน ถ้าถูกใจโซนที่ดูอยู่ ก็ให้เอา wristband นั้นไปทาบไว้ที่รูปมือ

พอทาบแล้วก็จะมีไฟสว่างแว๊บขึ้นมา ก็เป็นลูกเล่นให้น่าสนใจ เพราะเอาเข้าจริงๆ คนเข้าชมก็ให้คะแนนเหมือนกันทุกโซนนั่นแหละ (^ ^)

ห้องทดสอบความแข็งแรงของอาคารรับมือแผ่นดินไหว เป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นที่ทำให้โครงอาคารไม่ถล่มลงมาเมื่อเจอแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จำไม่ได้ว่าป้องกันได้กี่ริคเตอร์
ห้องทดสอบแผ่นดินไหวนี่มีให้อาสาสมัครเข้าไปนั่งด้วยนะ รับที่ 10 คน กะว่าจะเข้าไปนั่งด้วย แต่เผอิญว่าคนหน้าๆ เขาเข้าไปกันเต็มหมดแล้วเลยอด ^^')

ดูเวลาแล้วก็คงต้องกลับ เพราะมีนัดจะไปต่างจังหวัดกันตอนบ่ายสาม ยังเหลืออีกหลายอาคารที่ยังไม่ได้เข้าไปดู กะว่าไว้ค่อยมาวันหลังอีกซักครั้งสองครั้ง เพราะยังมีเวลาอีกหลายวัน


ตอนขากลับเพิ่งสังเกตเห็นป้าย Free WiFi จาก TOT แต่ต้องไปขอรหัสจากบูธ TOT ล่ะมั้งนะ


รายการช็อปปิ้ง สลัด 2 กล่อง ราคากล่องละ 25 บาท ^^)v


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น