งาน BOI นี่เคยไปครั้งนึงเมื่อนานมากแล้ว ตอนนั้นจัดที่โคราช ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วล่ะ ตอนนั้นที่สิ่งที่จำได้คือบูธของ CP ซึ่งมีนโยบายทำอาหารท้องและอาหารสมอง จนบัดนี้ก็เป็นบริษัทที่ครอบครองตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ อีกรายการนึงคือไอติมผลไม้ กินแล้วไม่อร่อยเลย ตอนนั้นคิดว่าไม่น่ารุ่งแน่ และจนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังคงไม่เห็นไอติมผลไม้ขายแพร่หลาย -_-'a
งานปีนี้จัดที่เมืองทอง ใกล้บ้านหน่อย ไปงานกันวันที่ 6 ไปกัน 4 คน มีท่านแม่ คุณน้า และน้องชาย วันนั้นตอนบ่ายๆ จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเลยกะว่าคงจะเดินแค่ไม่กี่บูธ แล้วค่อยมาวันหลังอีกที ก็ยังคิดอยู่ว่าจะขับรถไปกันดีไหม เพราะว่าคนน่าจะแน่นจนหาที่จอดรถลำบาก สุดท้ายก็ตัดสินใจขับรถไปกันเองน่าจะสะดวกกว่า เพราะไปวันธรรมดา คนคงน้อยหน่อย
เอารถมาจอดที่ลานจอดบริเวณนี้ ตอนที่มาจอดมีรถไม่ถึงกับแน่น ยังมีที่ว่างอยู่ |
จากตรงที่จอดรถ จะมีรถรับส่งวิ่งวนรอบ |
อารมณ์นั่งรถชมวิวรอบสวน ไม่ค่อยมีโอกาสนั่งแบบนี้เท่าไหร่ ^^)v |
จากนั้นก็มาลงที่ Hall เพื่อรอต่อรถเมล์เข้าไปที่ส่วนจัดงาน BOI อีกที |
มาแล้ว รถรับส่งระหว่าง Hall กับพื้นที่จัดงาน BOI |
ตอนขาไปเนี่ย คนแน่นเต็มรถเหมือนกัน ต้องยืนโหน แต่ตอนขากลับได้นั่ง คงเพราะกลับเร็วกว่าคนอื่นล่ะมั้ง |
นั่งรถผ่านอาคาร Hall ก็มีป้ายประชาสัมพันธ์งาน แต่รู้สึกว่าป้ายบอกทางนี่น้อยจังแฮะ |
มาถึงราวๆ เที่ยง คนไม่มากเท่าไหร่ |
เดินผ่านจุดตรวจเข้ามาแล้ว มีเจ้าหน้าที่อยู่คนเดียวที่คอยตรวจ แต่ไม่ตรวจอะไรมาก และคนเข้างานไม่เยอะ เลยไม่เสียเวลาเท่าไหร่ |
พอเข้ามาด้านซ้ายจะเป็นตู้ขายของที่ระลึกในงาน แต่ไม่ได้ซื้ออะไรหรอก ส่วนด้านขวาจะเป็นร่มกาง ตั้งโต๊ะแจกแผ่นพับแผนที่งาน ดูจัดโต๊ะแล้วรู้สึกอนาถาดี -_-'a |
แผ่นพับคู่มือเข้าชมงาน มีแผนที่แสดงตำแหน่งบูธด้วย ช่วยให้หาสถานที่ได้สะดวกเลย |
มาถึงหน้างานแล้วจ้า รูปนี้ถ่ายตอนขากลับ ^^)v |
เดินเข้ามาก็เจอ BOI Pavilion |
ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน เลยไม่รู้ว่ามีอะไร |
ด้านหน้าก็จะมีบอร์ดแสดงแผนที่ในงาน ด้านหลังที่เห็นเป็นแผงๆ คือ solar cell ไม่รู้เหมือนกันว่าสำหรับปั่นไฟฟ้าใช้ที่โซนไหนบ้าง เพราะไม่น่าผลิตไฟฟ้าได้พอทั้งงาน |
รถขายกาแฟสด โปรโมทว่าเป็นกาแฟชงด้วยพลังแสงอาทิตย์ รายได้ส่วนหนึ่งมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่ไม่ได้ไปอุดหนุดเขาอ่ะ เพราะไม่ดื่มกาแฟ |
อาคาร Toyota
อาคารแรกที่เข้าไปแวะชมคืออาคารของ Toyota ซึ่งนอกจากจะโชว์รถแล้วยังมีเทคโนโลยีอย่างอื่นอีกคือ บ้านประหยัดพลังงาน และหุ่นยนต์เล่นดนตรี
ภาพถ่ายในอาคารเบลอมาก สาเหตุเป็นเพราะไปตั้ง focus กล้องเป็นแบบ Macro เอาไว้ตั้งแต่ตอนถ่ายแมลงปอแล้วลืมตั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่าภาพที่ถ่ายนั้นเบลอก็จนกระทั่งไปที่อาคาร Isuzu แล้ว น่าเสียดายถ่ายไปตั้งเยอะ เบลอเสียหมด (_ _')
ภาพถ่ายในอาคารเบลอมาก สาเหตุเป็นเพราะไปตั้ง focus กล้องเป็นแบบ Macro เอาไว้ตั้งแต่ตอนถ่ายแมลงปอแล้วลืมตั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่าภาพที่ถ่ายนั้นเบลอก็จนกระทั่งไปที่อาคาร Isuzu แล้ว น่าเสียดายถ่ายไปตั้งเยอะ เบลอเสียหมด (_ _')
สองพิธีกรกำลังแนะนำ Partner Robot หุ่นยนต์เล่นดนตรี |
Partner Robot สีไวโอลินคู่กับนักดนตรีตัวจริง |
การเคลื่อนไหวทำได้ดีมาก น้องชายเห็นแล้วทึ่งมาก แต่คนที่ตามข่าวหุ่นยนต์ญี่ปุ่นตลอดคงจะเห็นเป็นเรื่องปกติแล้วล่ะกับความสามารถระดับนี้ ^^) |
แสดงเสร็จก็มีโบกมือทักทายผู้ชมด้วย |
ป้ายอธิบาย แนะนำให้รู้จักกับ Partner Robot |
Whee ล้อพาหนะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง |
มี 3 ขนาดด้วยกัน เล็ก กลาง ใหญ่ ชาร์จไฟฟ้า วิ่งได้ระยะทาง 5-10 กิโลเมตร |
ที่พับอยู่ด้านซ้ายคือรุ่นเล็กสุด ส่วนสีฟ้านี่เป็นรุ่นกลาง |
แผ่นป้ายแนะนำ Whee |
Prius-C รถยนต์ไฮบริด จาก Toyota ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก อันนี้เป็นตัวโชว์ ยังไม่มีวางขายจริง |
โซนถัดมา เป็นเทคโนโลยีบ้านประหยัดพลังงาน มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ มาหมุนเวียนใช้งานภายในบ้าน
จะมีปุ่มกดสีน้ำเงิน เมื่อกดแล้วจะแสดงให้เห็นว่ามีการนำพลังงานธรรมชาติมาใช้ในแต่ละส่วนของบ้านได้ยังไง |
มีเขื่อนสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า และจ่ายน้ำให้หมุนเวียนไปในบริเวณทั้งหมด |
หลังคาบ้านมี Solar Cell ไว้สร้างพลังงานในบ้าน แล้วจ่ายออกมาสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน |
มีน้ำไหลเวียนไปทั่วบริเวณ |
ที่ลานจอด ข้างๆ รถจะเห็นแท่งเสา นั่นคือจุดสำหรับชาร์จไฟฟ้าให้รถยนต์ |
บ้านทรงสูง ให้ลมไหลเวียนผ่านสำหรับการระบายอากาศ |
แท่นสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ |
ที่จริงแล้วทาง Toyota ยังมีโซนภาพยนตร์ 4 มิติด้วย แต่ว่าต้องรออีก 20 นาทีถึงจะเปิดให้เข้าชมในรอบต่อไป ก็เลยไม่ได้อยู่รอดี
อาคาร Isuzu
ทาง Isuzu นี่เน้นโชว์รถที่ขาย แต่ไม่ได้มีอะไรใหม่ซักเท่าไหร่ ทางเซลล์บอกว่าช่วงนี้ไม่มีโปรโมชันอะไร ไม่มีปรับโฉม ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก อีกประมาณ 2 ปีถึงจะมี Minor Change ปรับโฉม ปรับโปร และปรับราคา -_-')พยายามถ่ายเท่าไหร่ก็เบลอตลอด จนกระทั่งมาดูการตั้งค่า focus ถึงได้เห็นว่าดันไปตั้งเป็น macro ไว้ มิน่าล่ะ Orz |
แท่นโชว์เครื่องยนต์ของ Isuzu แต่ทำไม่น่าสนใจเลย |
ระหว่างนั่งคุยกับเซลล์ ทีมพริตตี้ก็ออกมาพรีเซนต์เรื่องรถ และมีแจกหมวกให้ด้วย ใครมีสิ่งของอะไรที่มีสีน้ำเงินอยู่ในตัว ให้ขึ้นไปรับหมวก Isuzu ได้เลย มีแจกให้ 10 ใบ |
วันนั้นสะพายเป้ของ LG ที่ได้แถมมาตอนซื้อมือถือ LG Optimus Black ซึ่งมีแถบสีน้ำเงินด้วย เลยขึ้นไปรับแจกหมวกมาซะเลย ไม่ต้องเดินตากแดดหัวแดงล่ะ ขอบคุณ Isuzu นะคร้าบ ^^)v |
อาคารอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ -_-') |
อาคาร ศาลาศรัทธาศรม
เป็นโซนของผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง พวกหัตถกรรม ผักผลไม้ไร้สารเดินทั้งอาคาร ซื้อเจ้าสลัดนี่มาสองแพ็ค |
ออกมาด้านนอก ก็จะมีประติมากรรมพวกเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านในสมัยโบราณ
ด้านข้าง ปลูกซุ้มไม้ไว้บังแดด ร่มรื่นดี |
อาคาร SCG
มาถึงที่ SCG ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่วันนี้ท่านแม่กับน้องชายอยากมาดู เพราะโชว์พวกเรื่องของเทคโนโลยีที่อยู่ร่วมกับภัยพิบัติเนื่องจากว่าอาคาร SCG นั้นเป็นการจัดแบบพื้นที่ปิด จึงจำกัดผู้เข้าชมรอบละ 80 คน ใช้เวลา 30 นาที แต่เนื่องจากมีผู้ชมเยอะ ตั้งแต่รอบนี้เลยตัดเหลือแค่ 20 นาที
ยืนต่อคิวรอเปิดเข้าชมรอบถัดไป |
โซนแรก เป็นภาพยนตร์ 3 มิติ (หรือเปล่า) ให้ปู่กับหลานมาเล่าถึงเรื่องของชีวิตกับธรรมชาติ |
มีหน้าปู่กับหลานอยู่กันคนละฝั่งซ้ายขวา พยายามสังเกตดูเดาว่าพื้นที่ๆ เป็นหน้าเนี่ย ทำเป็นหัวยืนออกมา แล้วก็ฉายภาพหน้าลงไปทับ ทำให้มันดูนูนออกมา หัวหลานกับปู่นี่เป็นภาพขยับปากได้นะ |
โซนนี้เป็นโชว์ผลิตภัณฑ์ห้องสำหรับผู้สูงอายุ โดยการจัดให้มีไฟสว่าง การวางตำแหน่งเคาเตอร์สูงได้ระดับ มีราวจับ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ |
Shield Life แคปซูลช่วยชีวิต สำหรับใช้ยามเกิดภัยพิบัติ |
ขนาดสำหรับเข้าพักได้ 1 คน เป็นวัสดุที่แข็งแต่ลอยน้ำได้ ข้างในก็มีอุปกรณ์ยังชีพ |
ภาพตัดขวางของ Shield Life |
แท่นสำหรับให้คะแนน ถ้าถูกใจโซนที่ดูอยู่ ก็ให้เอา wristband นั้นไปทาบไว้ที่รูปมือ |
พอทาบแล้วก็จะมีไฟสว่างแว๊บขึ้นมา ก็เป็นลูกเล่นให้น่าสนใจ เพราะเอาเข้าจริงๆ คนเข้าชมก็ให้คะแนนเหมือนกันทุกโซนนั่นแหละ (^ ^) |
ห้องทดสอบความแข็งแรงของอาคารรับมือแผ่นดินไหว เป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นที่ทำให้โครงอาคารไม่ถล่มลงมาเมื่อเจอแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จำไม่ได้ว่าป้องกันได้กี่ริคเตอร์ |
ดูเวลาแล้วก็คงต้องกลับ เพราะมีนัดจะไปต่างจังหวัดกันตอนบ่ายสาม ยังเหลืออีกหลายอาคารที่ยังไม่ได้เข้าไปดู กะว่าไว้ค่อยมาวันหลังอีกซักครั้งสองครั้ง เพราะยังมีเวลาอีกหลายวัน
ตอนขากลับเพิ่งสังเกตเห็นป้าย Free WiFi จาก TOT แต่ต้องไปขอรหัสจากบูธ TOT ล่ะมั้งนะ
รายการช็อปปิ้ง สลัด 2 กล่อง ราคากล่องละ 25 บาท ^^)v
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น