วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

เล่าหนังหลังดู : Tomorrow I Will Date with Yesterday's You. พรุ่งนี้ผมจะเดตกับเธอคนเมื่อวาน

"วันแรกของผมในวันสุดท้ายของเธอ"
สรุปแบบสั้นๆ ของหนังรักโรแมนติกเศร้าซึ้งสะเทือนอารมณ์เรื่องหนึ่งที่ได้ดูเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ก็ว่าจะเขียนบันทึกเก็บไว้แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มเขียนซะที เพราะว่าต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงพอสมควร แต่เพราะว่าสัญญากับคนหนึ่งเอาไว้ว่าจะเขียนเล่าเรื่องให้ฟัง ยังไงก็ต้องเขียนจนได้แหละน่ะ 😁



"เวลาและวารี ไม่เคยหวนกลับ"
สำนวนนี้เราคงจะได้ยินกันบ่อยแล้ว เพราะเวลาเคลื่อนไหลไปตลอด ทำให้มนุษย์เรามีจินตนาการเพ้อฝันในเรื่องการท่องเวลา ไม่ว่าจะย้อนกลับไปในอดีต หรือเดินทางไปสู่อนาคตกาลเบื้องหน้า

แต่หนังเรื่องนี้เล่นกับเส้นเวลาที่ต่างออกไป เพราะใช้แนวคิดของเส้นเวลาที่สวนทางกัน มาผูกโยงกับความรักความผูกพันของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง

หนังสร้างมาจากนิยายดังในชื่อเดียวกัน เขียนโดย Takafumi Nanatsuki ฉบับภาษาไทยแปลโดยคุณ กนกวรรณ เกตุชัยมาศ

ผมยังไม่เคยได้อ่านฉบับหนังสือ แต่หลังจากดูหนังจบแล้วก็คิดอยู่ว่าจะไปหามาอ่านเหมือนกัน เพราะปกติในหนังสือจะถ่ายทอดรายละเอียดได้มากกว่าหนัง แต่สำหรับคนไม่เคยอ่านก็สามารถดูหนังได้

การดูหนังเรื่องนี้จะให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับตอนดูหนังเรื่อง Titanic (เวอร์ชัน แจ๊ค-โรส) ก็คือหนังที่เรารู้เรื่องราวอยู่แล้ว รู้ตอนจบอยู่แล้ว แต่เราก็ยังอิ่มเอมและสะเทือนอารมณ์ความรู้สึกได้มากมาย



เรื่องย่อจากหนังสือ เขียนไว้แบบนี้ว่า...
คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม? คุณคิดว่ารักครั้งนี้เป็นเรื่องมหัศจรรย์รึเปล่า? แต่เมื่อรู้ว่ารักครั้งนี้ยากจะเป็นไปได้ คุณยังเลือกที่จะ "รัก" อยู่ไหม...

"เขา" คือนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะในเกียวโต และกำลังตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่งตั้งแต่แรกเห็นบนขบวนรถไฟ เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาและสารภาพรักกับ "เธอ" ผู้ดูงดงาม มีน้ำใจ และเจือไปด้วยความเศร้า หากแต่เธอเก็บงำความลับหนึ่งไว้ ความลับซึ่งเกินกว่าจินตนาการของเขาไปมากมาย...

"ถ้าฉันบอกว่าหยั่งรู้อนาคตของคุณได้ คุณจะว่ายังไง?"

พบกับนิยายรักหวานซึ้งแสนเศร้า ที่เล่าเรื่องราวของสองชีวิตที่ถูกผูกพันไว้ด้วยพรหมลิขิตดั่งปาฏิหาริย์ เมื่อเวลาของโลกคู่ขนานจะมาบรรจบกันเพียงครั้งเดียวในรอบ 5 ปี เมื่อพวกเขาได้พบกันและเลือกที่จะรัก แล้วการฝืนโชคชะตาในความรักครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้น!

นี่คือนิยายสุดฮิตที่ทำยอดขายมากกว่า 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์รักสุดโรแมนติกแห่งปี!

ส่วนคำโปรยในหนังสือ เขียนเอาไว้ว่า...
นิยายที่ทำให้อยากพลิกกลับไปอ่านหน้าแรกทันทีที่อ่านจบ
คงมีหนังสือน้อยเรื่อง ที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ได้จริงๆ





[คำเตือน... หลังจากนี้ไปจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาแบบสปอยด์เต็มๆ]

แต่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าเปิดเผยเนื้อหาสำคัญดีไหม เพราะว่าโฆษณาทั้งจากหนังสือและหนัง มันก็บอกหมดแล้ว ฮ่า 😅

ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าเป็นหนังที่เรารู้เนื้อเรื่องและตอนจบไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่ได้มาระหว่างการเดินทางนั้นมันก็ทำให้เราอิ่มเอมได้เช่นกัน แม้ว่าจะอิ่มเอมแบบเศร้าๆ

ชีวิตมนุษย์ มีเรื่องที่สมหวังผิดหวังอยู่บ่อยครั้ง ความเสียใจที่เราต้องเผชิญอยู่หลายหนคือ อยากได้แต่ไม่สมหวัง พลัดพรากจากสิ่งที่รัก และการต้องทนอยู่กับสิ่งที่ไม่อยากเจอ

การพลัดพราก มีทั้งจากเป็นและจากตาย มีทั้งจากแบบเตรียมใจและกระทันหัน

แต่การเสียใจของการจากในเหตุการณ์ วันสุดท้ายของฉันคือวันแรกของคุณ ของหนังเรื่องนี้ คงไม่มีจากหนังเรื่องอื่นอีกแล้ว เพราะเป็นการเล่นกับเส้นเวลาแบบย้อนกลับแบบที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน

หนังเรื่องนี้ใช้แนวคิดของนิยายวิทยาศาสตร์ในเรื่องโลกคู่ขนานและเวลาที่สวนทางกันมาเป็นปมสำคัญในการขยี้ความรู้สึกของตัวละคร (รวมทั้งคนดู) ดำเนินเรื่องแบบที่ภาษาวรรณกรรมเรียกว่า โศกนาฏกรรม (Tragedy) ทำให้ผู้ชมหลั่งน้ำตาไปกับชะตากรรมของตัวละครได้

ผมเองดูไปก็ปาดน้ำตาไปเป็นระยะๆ เหมือนนางเอกในเรื่อง

ด้วยความที่เป็นแนวคิดของโลกคู่ขนาน (อันนี้หลายคนคงเข้าใจ) กับเวลาที่ย้อนสวนทาง (อันนี้ชวนงง) เลยทำให้ช่วงแรกๆ หลายคนจะงงๆ และไม่อินไปกับหนัง จนอาจจะดูน่าเบื่อ

เรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีเวลาที่ย้อนสวนทางในเรื่องนี้ ก็พอจะเข้าใจได้บ้างนิดหน่อยจากการได้เห็นโฆษณาของหนัง แต่พอดูจริงๆ แล้วอาจจะมีงงๆ มึนๆ บ้าง ซึ่งผมเองก็เป็นเหมือนกัน

จนกระทั่งช่วงท้ายของหนัง ถึงได้เข้าใจระบบเวลาในหนัง คือมันมีทั้งช่วงที่ย้อนสวนทางและช่วงเดินไปพร้อมกันนั่นแหละ เลยทำให้ผมมีหลุดงงๆ บ้าง คือแบบว่าเหมือนเข้าใจแต่ยังงงๆ ฮา

เราส่วนใหญ่จะคุ้นเคยและมีความคิดยึดติดเรื่องของเส้นเวลาในแบบอดีต-อนาคต เช่นว่า มาจากอดีต หรือมาจากอนาคต

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่...

เส้นเวลาในเรื่องนี้ เดินทางจากอดีตไปอนาคต เหมือนกับเวลาตามปกติ ไม่มีการย้อนอดีตไปเจอกันในอนาคต
แต่เป็นเส้นเวลาของโลกคู่ขนาดที่มันย้อนสวนทางกัน



หนังเริ่มต้นด้วยเรื่องราวของชายหนุ่มชื่อ ทาคาโตชิ (โซตะ ฟุคุชิ) เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะ ที่มีคาแรคเตอร์แบบเนิร์ดๆ วันหนึ่งได้พบกับสาวน่ารักบนรถไฟคนหนึ่ง ซึ่งเขารู้สึกว่ามันเป็นรักแรกพบ จึงได้พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อเข้าไปทำความรู้จัก


เพียงแค่ได้คุยคำแรก ทาคาโตชิ ก็รีบบอกเลยว่าชอบเธอ ฮ่า
นี่ถ้าเป็นชีวิตจริง สาวๆ อาจตกใจเผ่นหนีล่ะ 😆

ทาคาโตชิ ขออีเมล แต่เธอบอกว่าไม่มีโทรศัพท์มือถือ
เจอคำตอบแบบนี้ก็อารมณ์ประมาณว่าขอเบอร์สาว แต่กินนกซะงั้น
แต่ที่จริงเป็นเพราะเธอไม่มีโทรศัพท์ใช้จริงๆ

หลังจากนั่งคุยกัน ทาคาโตชิ จึงรู้ว่าสาวน้อยน่ารักคนนั้น ชื่อว่า เอมิ (นานะ โคมัตสึ) เป็นนักศึกษาโรงเรียนเสริมสวย อายุ 20 ปีเท่ากัน


ได้คุยทำความรู้จักกันแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไป ทาคาโตชิ ก็ถาม เอมิ ว่า
เราจะเจอกันอีกใช่ไหม?
เป็นประโยคคำถามที่ในชีวิตเราเองก็คงจะถามแบบนี้ เมื่อได้รู้จักกับคนที่เรารู้สึกดีๆ กับเขา
และจากประโยคนี้ ก็ทำให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดำเนินไป

ทั้งคู่ได้เจอกันทุกวัน ได้มีความผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป ตามแบบฉบับของหนังรักโรแมนติก

เอมิ อาจจะดูนิสัยแปลกๆ อยู่บ้าง คือเหมือนเป็นสาวเจ้าน้ำตา เวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น อยู่ๆ เธอก็น้ำตาไหลออกมา ตอนแรกที่เราดูก็ไม่ได้คิดอะไร



เนื้อเรื่องดำเนินตามแบบฉบับหนังรักมาเรื่อยๆ ตั้งแต่วันแรกที่ทั้งคู่ได้พบกัน ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกัน

จนกระทั่ง ทาคาโตชิ ได้เจอไดอารีของ เอมิ ที่ลืมไว้ ทำให้เธอต้องเล่าเรื่องราวออกมา
ฉันมาจากโลกคู่ขนาน โลกของฉันเป็นโลกที่เวลาเดินสวนทางกับโลกของเธอ สิ่งที่เป็นอนาคตสำหรับเธอ มันคืออดีตสำหรับฉัน
จากหนังช่วงแรกที่ให้เราได้ซึมซับความสัมพันที่ค่อยๆ เกิดขึ้นระหว่างหนุ่มสาวสองคน หลังจากนี้ไป เมื่อ ทาคาโตชิ ได้รู้แล้วว่า สิ่งที่เคยเกิดขึ้นสำหรับเขา คือ สิ่งสุดท้ายที่ เอมิ จะได้พบ ทำให้เขาเริ่มเข้าใจความเจ็บปวด ความเสียใจของ เอมิ

ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่หนังค่อยๆ เพิ่มอารมณ์ร่วมของเรา ทำให้แม้ยังมีความงงๆ กับเส้นเวลา แต่ก็อินตามไปด้วย

เมื่อเราต้องเจอกับความรู้สึกที่จะต้องเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ได้ทำสิ่งนั้นๆ มันสะเทือนใจขนาดไหน

ความแปลกๆ บางอย่างของ เอมิ ในช่วงแรกของเรื่อง ทำไมร้องไห้ ทำไมแบบนั้นแบบนี้ ก็เพราะว่า... นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอนั่นเอง

เส้นเวลาที่สวนทางกันของทั้งสองโลกคู่ขนาน เวลาทั้งสองโลกนั้นเดินทางจากอดีตไปอนาคตทั้งคู่ เพียงแต่ว่าอนาคตของโลกหนึ่งนั้นเป็นเวลาในอดีตของอีกโลกหนึ่ง

ทุกๆ 5 ปี จะมีช่วงระยะเวลา 30 วัน ที่เวลาของทั้งสองโลกจะมาซ้อนทับกัน ทำให้เป็นช่วงเวลาเดียวกันได้ แต่ก็ซ้อนทับในแบบย้อนกลับ จึงทำให้ ทาคาโตชิ และ เอมิ ได้พบกัน แต่ว่าอนาคตของทั้งคู่ จะเป็นอดีตของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ไม่มีความทรงจำในอดีตเดียวกัน


จากมุมของ ทาคาโตชิ ที่ค่อยๆ สูญเสีย เอมิ ทำให้เราสะเทือนใจพอควร แต่ในตอนท้ายนั้นตัวหนังขยี้อารมณ์ของเราสุดๆ ด้วยการเล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์ของ เอมิ แบบ flashback

จากที่เราได้ดูมาในตอนต้น ความรู้สึกก็เหมือนความรักที่เริ่มก่อเกิด แต่พอเป็นเหตุการณ์จาก เอมิ มันคือเหตุการณ์ของคนรักที่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว

เหตุการณ์ในวันแรก ที่ ทาคาโตชิ ได้พบกับ เอมิ มันคือวันสุดท้ายที่ เอมิ ได้พบกับเขาในตอนที่อายุ 20 เท่ากัน เป็นแฟนกัน

วันที่แยกจากกันในวันนั้น คือวันสุดท้ายที่คนรักของเธอ ถามเธอว่า
เราจะเจอกันอีกใช่ไหม?
ซึ่งไม่มีอีกแล้วสำหรับ เอมิ วันที่จะได้เจอกันแบบนี้... แต่เธอก้ยังต้องฝืนยิ้มเพื่อตอบกลับไปว่า แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้...

แม้ว่าหลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างจะพบกันได้อีกทุกๆ 5 ปี แต่นั่นคือขณะที่ตัวเองอายุเพิ่มขึ้น 5 ปี แต่อีกฝ่ายจะอายุลดลง 5 ปี และที่สำคัญคือ... ยังไม่รู้จักกัน

เป็นหนังที่ตั้งโจทย์สำหรับเราว่า ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่สำหรับอีกคนมันคือครั้งแรก เราจะทำยังไง?

เราจะเห็นคุณค่าของมันแค่ไหน?

วันแรกที่ของฉัน คือ วันสุดท้ายของเธอ

เป็นหนังที่ดูจบแล้ว อยากกลับไปดูใหม่อีกครั้ง แต่ว่าการดูรอบใหม่นั้นจะให้ความรู้สึกที่ต่างจากดูครั้งแรก เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่า เอมิ รู้สึกยังไง กับสถานการณ์ตรงนั้น








สำหรับคนที่มีความรัก...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น