วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จอมทัพพลิกแผ่นดิน

อ่านจอมทัพพลิกแผ่นดินจบภาคแรก 7 เล่มเรียบร้อย มาเขียนบันทึกไว้ซะหน่อย

เรื่องนี้อ่านทีละเล่มหลังจากวางแผง ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ต่อเล่ม ไม่ได้รอออกจนครบชุดแล้วอ่านรวดเดียว ก็เลยทำให้ลืมๆ เล่มที่อ่านแรกๆ ไปบ้างล่ะ


จอมทัพพลิกแผ่นดิน (窃明 - 竊明 - Qiè míng) เขียนโดย ฮุยสงเมา (灰熊猫 - 灰熊貓 - Huī xióngmāo)

เรื่องนี้เป็นยุทธนิยายที่พระเอกย้อนเวลา แนวเดียวกับ "เจาะเวลาหาจิ๋นซี" (หวงอี้) และ "พยัคฆราชซ่อนเล็บ" (เยี่ยกวน) ฯลฯ

คำนิยามของ "ยุทธนิยาย" แบบคร่าวๆ คือ เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ (จีน) ที่มีการต่อสู้แบบรบทัพจับศึก กองทัพฟาดฟัน วางแผนกลยุทธการศึก ออกแนวการทำสงครามแบบทหาร วิชาการต่อสู้ในเรื่อง ก็จะเป็นลักษณะของวิชาต่อสู้ที่ดูจริงจัง ซึ่งต่างไปจากนิยายกำลังภายในที่จะเป็นจอมยุทธลุยเดี่ยวมีวิทยายุทธกำลังภายในกระบวนท่าลึกล้ำ ซัดฝ่ามือเดียวคู่ต่อสู้กระเด็นเป็นสิบ ข้าวของบ้านเรือนพังระเนระนาด


อ้อ ยุทธนิยายนี่ ไม่ใช่กำหนดว่าต้องให้พระเอกย้อนเวลานะ ฮา
(อ่านเพิ่มเติมที่ ว่าด้วยนิยายกำลังภายใน ตอน 3)

คุณก่อศักดิ์ เขียนคำนิยมให้เรื่องนี้ แบบว่ายกซะเรื่องนี้เป็นนิยายที่เลอค่าดังภูษาไร้ตะเข็บ กิมย้งหลบไป โก้วเล้งหลีกห่าง หวงอี้ชิดซ้าย อะไรแบบนั้นเลย

"ในจำนวนหนังสือนวนิยายจีนที่ผมเขียนคำนำหรือคำนิยมให้ทั้งหมดนับจนถึงปัจจุบัน ผมยกย่องผลงานของจิ่วถูในชุดไตรภาค "ยุทธการล่าบัลลังก์" มากที่สุด เนื่องจากเป็นยุทธนิยายที่มีเนื้อหาเข้มข้นเกี่ยวพันกับชั้นเชิงทางการเมือง ลึกลับซับซ้อน หักเล่ห์ชิงเหลี่ยมกันอย่างถึงพริกถึงขิง ท่ามกลางการรบพุ่งที่ดุเดือดเลือดพล่านของกองทัพอันเกรียงไกร

บัดนี้ ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ค้นพบนักประพันธ์แนวนี้อีกหนึ่งคน คือ ฮุยสงเมา (แพนด้าสีเทา) ซึ่งเขียนเรื่อง "จอมทัพพลิกแผ่นดิน" ได้อย่างเยี่ยมยอด ที่สร้างความประหลาดใจให้ผมก็คือ เมื่ออ่านจบภาคแรก ผมยังรู้สึกว่าฝีมือของฮุยสงเมาน่าจะประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของจิ่วถู แต่เมื่อติดตามอ่านจนจบภาคสอง ผมกล้าพูดเลยว่า ผมให้คะแนนภาคสองถึง 120 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกันทั้งสองภาคแล้ว จึงมีคะแนนพอฟัดพอเหวี่ยงกับจิ่วถู

ผมจึงผลักดันอย่างเต็มที่ให้แปลบทประพันธ์เรื่องนี้เป้นภาษาไทย เพื่อให้นักอ่านชาวไทยได้มีโอกาสลิ้มรสผลงานที่ลุ่มลึกและแปลกใหม่ฉีกแนว เชื่อว่าฮุยสงเมาจะกลายเป็นนักเขียนในดวงใจคนใหม่ของนักอ่านชาวไทยอย่างแน่นอน"

แต่พอได้อ่านหนังสือแล้ว เอ่อ... ช่างแตกต่างจากโฆษณาเหลือเกิน อ่านจากที่เขียนให้ซีรีส์เหยี่ยวมารฯ ของหวงอี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่า ต่อไปอย่าเชื่อคำโฆษณาของคุณก่อศักดิ์ ฮา

เรื่องนี้พระเอกของเรื่อง (หวงสือ) ไม่ได้เปิดฮาเร็มแบบ เซี่ยงเส้าหลง (เจาะเวลาหาจิ๋นซี) และ เซี่ยสิน (ยอดพยัคฆพิทักษ์ราชวงศ์ถัง) ถือว่าผิดธรรมเนียมนะเนี่ย ฮา

หรือว่าตรงนี้คือแปลกใหม่ฉีกแนวที่คุณก่อศักดิ์บอกไว้นะ ฮา

เซี่ยงเส้าหลง ย้อนเวลาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เซี่ยสิน ย้อนเวลาเพราะถูกรถชน
หวงสือ ย้อนเวลาเพราะนั่งอยู่ในร้านอาหารที่มีมนุษย์ต่างดาวเอาระเบิดย้อนเวลามาโยนเล่น

บางเรื่องจับแผ่นหยกแล้วย้อนเวลา บางเรื่องเครื่องบินตกแล้วย้อนเวลา

เอ่อ... เอาเข้าไป

เรื่องนี้จับเอาเหตุการณ์ช่วงปลายราชวงศ์หมิง ที่ใกล้จะถูกชาวแมนจูกลืนกินชาติแล้วตั้งราชวงศ์ชิงขึ้นมา (ที่โกนหัวครึ่งหน้า ครึ่งหลังไว้ผมเปียยาว)

พระเอกของเรื่องเป็นนักศึกษาแพทย์ ย้อนเวลามา อาศัยความรู้ทางประวัติศาสตร์ เพื่อวางตัวให้อยู่ในสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์สุด

รู้ว่าจะรบกันที่ไหน เมื่อไหร่ ใครแพ้ใครชนะ ก็ไปอยู่แบบถูกที่ถูกเวลา ใช้ความรู้ประวัติศาสตร์ได้คุ้มค่ามาก

เรียนแพทย์มาแต่จำประวัติศาสตร์ได้แม่นดีเนอะ ฮา (อ่านๆ แล้วจำว่าพระเอกเป็นนักศึกษาแพทย์นะ แต่ไม่แน่ใจว่าจำถูกหรือเปล่า)

จากนั้นจับพลัดจับผลู ได้เป็นนายทหาร เวลาไปรบ ก็ใช้ความรู้ประวัติศาสตร์เลือกว่า จะไปรบที่ไหนถึงจะชนะ แบบว่ากางตำราไปสอบเลย

ด้วยเหตุที่อาศัยการรู้เหตุการณ์อนาคต เลยกลายเป็นขุนศึกไร้พ่าย ทำเอาแม่ทัพคนอื่นงงว่าพระเอกเหมือนจะเก่ง แต่ก็เหมือนรบไม่ค่อยเป็น แล้วรบชนะมาได้ยังไงฟระ

การดำเนินเนื้อเรื่อง ค่อนข้างห้วนๆ รวบรัดฉืบๆ แบบมึนๆ ช่วงเล่มแรกนี่เนือยๆ ส่วนสองเล่มท้ายนี่ก็มาแบบรวบรัดมาก

ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า ออกแนวอ่านได้เรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับสนุกจนวางไม่ลง

เนื้อเรื่องที่ผูกไว้ ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง พระเอกก็เก่งซะแบบว่าเป็นเทพนักรบไร้พ่าย การกระทำของตัวละคร บางเรื่องก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล

จุดที่ชอบของเรื่องนี้ คือการรบ (จำไม่ได้ว่าแถวๆ เล่ม 3 หรือเปล่า)

ทำให้เห็นภาพของการรบแบบกองทัพ ว่าทรงอานุภาพขนาดไหน

ตอนอ่านนิยายกิมย้ง บรรดาจอมยุทธแต่ละคนพลังฝีมือเลิศล้ำเกินมนุษย์เหลือเกิน ยิ่งเห็นภาพจากในซีรีส์นี่ โห ซัดฝ่ามือทีกระจุยกระจาย ฝูงชนแตกกระเจิง

อย่างเช่น เอี้ยก้วย (มังกรหยก) พาจอมยุทธสังหารพวกทหารมองโกลอย่างง่ายดาย

เคยสงสัยว่าเก่งกันขนาดนั้น ทำไมไม่ไปลุยมองโกลให้เหี้ยน แต่ได้รับคำตอบมาว่า จอมยุทธสู้เก่งแค่ลุยเดี่ยว เจอทหารเป็นกองทัพเลยสู้ไม่ได้ ตอนเมืองเซียงหยาง (เซียงเอี๊ยง) แตก ทหารมองโกลกรีฑาทัพลุยเข้ามา ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง และลูกๆ เลยต้องพลีชีพเสียชีวิตกันทั้งตระกูล

ก็ยังคงติดใจว่า หมัดมังกรสิบแปดท่า ไม้เท้าตีสุนัข วิชาเก้าอิมเก้าเอี้ยง หมัดมังกรถล่มโรซัน (อันสุดท้ายนี่ไม่ใช่ล่ะ ฮา) ซัดกันถล่มทลาย จะแพ้ได้ยังไง

จนกระทั่งได้มาอ่านเรื่องนี้

หวงสือนำวิธีการฝึกทหารของโลกปัจจุบันผสมผสานกับการจัดทัพของจีนโบราณ ทหารเป็นเครื่องจักรที่ทำตามคำสั่ง ตามระบบการรบที่ฝึกซ้อมมา

โห... เห็นภาพเลยว่าพลังทำลายรุนแรงมหาศาลมาก

ขบวนกองทัพที่ลุยฟันแทงตามตำแหน่งของตัวเอง ใครเพลี่ยงพล้ำก็จะมีคนอื่นเข้ามาเสียบแทนตำแหน่งรบทันที ทำตามหน้าที่แบบพร้อมตายเลยทีเดียว

เห็นภาพนักรบสปาร์ตัน จากเรื่อง 300 ลอยมาเลย

กองทัพที่มีโล่คุ้มกันตามตำแหน่งโดยรอบ มีหอกที่คอยทิ่มทะลวงสวนออกมา ด้านหลังยังมีทั้งธนูทั้งปืนใหญ่ (ธนูกับปืนใหญ่นี่ทัพสปาร์ตันไม่มีนะ ฮา)

เอาบรรดาจอมยุทธทั้งหลายมาลุยกับกองทัพแบบนี้ ซัดหมัดมังกร ฝ่ามือเหล็ก ดรรชนีสุริยัน และอีกสารพัดวิทยายุทธ ติดโล่ติดเกราะบังหมด หากโดนทหารล้มไปก็มีทหารคนอื่นเข้ามายืนแทนที่ประจำการ เหมือนอัดเข้ากำแพงเหล็กที่ไม่สะเทือน

จอมยุทธนอกจากจะซัดทหารไม่สะดุ้งสะเทือน ก็ยังจะเจอหอก ธนู สวนกลับ ไล่ต้อนไปเรื่อยๆ พลาดเมื่อไหร่ หมดแรงเมื่อไหร่ เป็นอันสิ้นชีพทันที

เข้าใจเลยที่ว่าจอมยุทธสู้ทหารเป็นกองทัพไม่ได้

หวงสือฝึกทหารมาแบบนี้เพื่อสู้ศัตรูจนกลายเป็นกองทัพไร้พ่าย สร้างวีรกรรมสะท้านฟ้าสะเทือนดิน รบไหนชนะที่นั่น

อ่านแล้วจุดที่ชอบก็มี จุดที่ขัดใจก็มี

สิ่งที่ขัดใจอีกเรื่องก็คือ การเปลี่ยนประวัติศาสตร์

ตั้งแต่เรื่องยอดพยัคฆพิทักษ์ราชวงศ์ถังล่ะ ที่ผู้เขียนเล่นเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปตามจินตนาการของตัวเอง

เรื่องจอมทัพพลิกแผ่นดินก็เช่นกัน

ผู้เขียนคงจะอัดอั้นเรื่องเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลต่อประเทศจีน เลยเขียนบิดเบือนสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้นมา

อารมณ์แบบสนอง need ของตัวเองว่า ถ้าตอนนั้นไม่เป็นแบบนั้น ป่านนี้ชนชาติจีนก็ยิ่งใหญ่เป็นมหาอำนาจของโลกไปแล้ว

อ่านแล้วทำให้รู้สึกขัดใจ เพราะว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ แต่เขียนบิดเบือนเปลี่ยนประวัติศาสตร์ขนานใหญ่เลยเชียว

คือถ้าปรับเปลี่ยนบางอย่างนิดหน่อย แบบที่เรื่องอื่นๆ ทำ เพื่อให้โครงเรื่องมันต่อเนื่องไปได้ ก็ยังยอมรับได้

แต่เปลี่ยนแบบนี้ทำให้รู้สึกขัดใจมากๆ

ตอนแรกเห็นบางเว็บโฆษณาว่า เรื่องนี้ภาคแรกมี 8 เล่ม
พอเห็นเล่ม 7 เขียนว่าจบภาค เลยยังงงๆ
ของจีนก็มี 7 เล่มเหมือนกันนะ

แล้วพออ่านมาถึงตอนจบเล่ม เป็นเหตุการณ์จบที่บั้นปลายชีวิตของหวงสือ เลยยิ่งงงหนัก ว่าภาคสองนี่มันจะต่อยังไงกันหว่า หรือจะเปลี่ยนตัวพระเอกของเรื่อง

หลังจากอ่านเรื่องนี้จบ ท้ายเล่มมี คำตาม จากผู้เขียน เลยทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมลักษณะของเรื่องนี้ ถึงดูห้วนๆ ไม่ค่อยมีวรรณศิลป์ ชั้นเชิงการเรียบเรียง การผูกเรื่องดำเนินเรื่อง สร้างเสน่ห์ให้กับเรื่องราว (ต่างจากที่คุณก่อศักดิ์โม้ไว้มาก)

เป็นเพราะคนเขียน (ฮุยสงเมา) เรียนมาทางสายวิทย์ ไม่ใช่สายศิลป์ภาษา ดังนั้นจึงเขียนเป็นแค่เรียงความ ฮา

สาเหตุที่ฮุยสงเมามาเขียนเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าบอสสุดท้ายของเรื่อง หยวนฉงฮวั่น หรือ หยวนฉงฮ่วน (袁崇焕 Yuán Chónghuàn)  นั่นเอง (ที่คุณ น.นพรัตน์ แปลชื่อผิดเป็น หยวนฉงหวน)

ตามประวัติศาสตร์ดั้งเดิม หยวนฉงฮวั่นเป็นขุนศึกคนสำคัญในยุคปลายราชวงศ์หมิง ที่ทำศึกขับไล่กองทัพมหาศาลของนูรฮาชี ที่ยกทัพบุกมาถึงนครหลวง แต่สุดท้ายกลับถูกฮ่องเต้สั่งประหาร

ดังนั้นหยวนฉงฮวั่นจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรชนผู้กล้า เฉกเช่นจอมทัพงักฮุย หรืออีกหลายๆ คน

กิมย้งเองก็ยังเขียนนิยายเรื่อง เพ็กฮวยเกี้ยม (碧血剑 - 碧血劍 - Bì Xuě Jìan) ยกย่องเชิดชูหยวนฉงฮวั่น

แต่หลังจากที่ฮุยสงเมา ได้ค้นคว้าข้อมูลต่างๆ มากขึ้น จึงรู้สึกว่าข้อมูลที่เคยรู้มานั้นไม่ถูกต้อง

เขาคิดว่า หยวนฉงฮวั่น ไม่น่าจะเป็นวีรบุรุษผู้กล้า แต่เป็นขุนนางกลอกกลิ้งผู้ทรยศขายชาติมากกว่า จึงได้เขียนนิยายเรื่องนี้ออกมา เพื่อนำเสนอแนวคิดนี้

ดังนั้นจึงสรรค์สร้างตัวละครอย่างหวงสือ เพื่อผูกดำเนินเรื่องมาจนถึงบทสรุปในเล่มท้าย ที่ต้องการบอกว่า หยวนฉงฮวั่น ในความคิดเขานั้นเป็นคนเช่นไร

เนื้อเรื่องเลยห้วนๆ จบด้วนๆ ฮา

เห็นคุณก่อศักดิ์บอกว่า ภาคสองนี้ฝีมือการเขียนของฮุยสงเมานั้นดีกว่าจิ่วถูอีก อ่านแล้วไม่ค่อยอยากเชื่อแฮะ ฮา

รออ่านภาคสองต่อไป

* * * * * * * * * *

[Keywords]

จอมทัพพลิกแผ่นดิน, ฮุยสงเมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น